แชร์

โซลูชั่นเปลี่ยนโลก กระดาษรังผึ้งกันกระแทก VS พลาสติกกันกระแทก

ในยุคปัจจุบันที่การซื้อสินค้าไม่จำเป็นต้องไปถึงหน้าร้าน เพียงแค่คุณอยู่ในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนคุณก็สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปทำให้การสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหา ‘ขยะจากธุรกิจออนไลน์’ ซึ่งเป็นปัญหาที่เป็นเสมือนเงาตามติดของโลกในปัจจุบัน โดยสาเหตุหลักก็เกิดจาก ‘วัสดุกันกระแทก’ ที่ถูกใช้ในการแพ็คสินค้า ซึ่งเป็นวัสดุสังเคราะห์ซะเป็นส่วนใหญ่

ปัญหาวัสดุกันกระแทกจากการแพ็คสินค้าเป็นปัญหาหลักของขยะที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล ทำให้ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาวัสดุทีใช้ในการกันกระแทกสินค้าเพื่อเป้าหมายในการปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

กระดาษรังผึ้งกันกระแทก คืออะไร ?

กระดาษรังผึ้งกันกระแทก (Honeycomb Paper) เป็นวัสดุกันกระแทกจากธรรมชาติ ผลิตจากกระดาษคราฟท์ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ

โดยลักษณะของกระดาษรังผึ้งกันกระแทก มีรูปร่างเป็นโครงตาข่ายรังผึ้ง 3 มิติ โดยผ่านกระบวนการไดคัท (Die-cut) ทำให้มีความแข็งแรง ทนทาน รับแรงกระแทกได้ดีกว่าบับเบิ้ลแรพถึง 60% สามารถช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และลดต้นทุนให้แก่ธุรกิจ E-Commerce ได้เป็นอย่างดี

พลาสติกกันกระแทก คืออะไร ?

พลาสติกกันกระแทก (Bubble Wrap) เป็นวัสดุกันกระแทกที่ผลิตมาจากกระบวนการฉีดเม็ดพลาสติก โดยส่วนใหญ่ในธุรกิจนิยมใช้อยู่ 2 ประเภท คือ แอร์บับเบิ้ล (Air Bubble) และถุงลมกันกระแทก (Air Cushion) ซึ่งมีคุณสมบัติและมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปตามประเภทของสินค้า

1. แอร์บับเบิ้ล (Air Bubble) มีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกที่เป็นชั้น ๆ โดยมีอากาศที่ปิดซีลไว้สนิทมีน้ำหนักเบา มีความอ่อนและนิ่มสามารถห่อหุ้มสินค้าได้ตามรูปทรงของสินค้าได้ดี ในการปกป้องสินค้าเม็ดลมที่อยู่ในแอร์บับเบิ้ลกันกระแทกมีขนาดที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาดและความเปราะบางของสินค้า แต่โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้กันกระแทกสินค้าที่มีขนาดไม่ใหญ่มากสามารถส่งทางไปรษณีย์ได้

2. ถุงลมกันกระแทก (Air Cushion) มีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มพลาสติก ที่ต้องมีการเติมลมเข้าไปภายในถุงจนเกิดที่ถุงที่มีลมขนาดใหญ่อยู่ภายใน โดยปกติจะมีความเหนียวและแตกได้ยากกว่าแอร์บับเบิ้ล ส่วนใหญ่จึงนำมาใช้กันกระแทกสินค้าที่มีความเปราะบางมากต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษหรือสินค้าที่มีขนาดใหญ่ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์และอื่น ๆ ในบางครั้งสามารถนำมาเติมเต็มช่องว่างภายในกล่องเพื่อให้สินค้ายึดอยู่กับที่ไม่ให้เกิดความเสียหาย

ข้อแตกต่างการใช้งานห่อหุ้มผลิตภัณฑ์ระหว่าง กระดาษรังผึ้งกันกระแทกและพลาสติกกันกระแทก

ข้อดีของพลาสติกกันกระแทก

– สามารถปรับให้เข้ากับสินค้าได้หลากหลายประเภท ด้วยคุณสมบัติที่มีความอ่อนตัวและยืดหยุ่นสูงจึงสามารถห่อหุ้มสินค้าได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงสามารถกันน้ำได้ และสามารถกันกระแทกสินค้าได้ดีในระดับหนึ่ง
– มีหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์แก่ธุรกิจและความต้องการในการใช้งานของสินค้า
– น้ำหนักเบา

ข้อดีของกระดาษรังผึ้งกันกระแทก

– ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางม้วนที่เล็กเมื่อเทียบกับพลาสติกกันกระแทกแบบแอร์บั้บเบิ้ล ประหยัดพื้นที่การจัดเก็บ เนื่องจากกระดาษรังผึ้งกันกระแทกก่อนที่จะยืดใช้งานมีความบางเหมือนกระดาษคราฟท์ทั่วไป จึงทำให้การจัดเก็บเป็นเรื่องที่ง่าย และสะดวกสบาย
– สามารถใช้คู่กับเครื่องยืดกระดาษรังผึ้งกันกระแทกได้ ช่วยเพิ่มความสะดวกและความรวดเร็วในการแพ็คได้โดยไม่ทำให้เกะกะพื้นที่ใช้สอยในการทำงานเหมือนกับแอร์บั้บเบิ้ล หรือถุงลมกันกระแทก ซึ่งต้องใช้กับเครื่องเติมลมซึ่งมีราคาที่สูง
– มีประสิทธิภาพในการห่อหุ้มและกันกระแทกสินค้าได้ดี ด้วยนวัตกรรมการผลิตแบบพิเศษที่ทำให้กระดาษรังผึ้งมีความยืดหยุ่นสูงสามารถห่อหุ้มสินค้าได้อย่างแนบสนิทไม่ว่าสินค้าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม

อย่างไรก็ตาม พลาสติกที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่สะสมจนยากจะแก้ไข ซึ่งมองได้ว่าเป็นตัวการที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมได้โดยตรง เนื่องจากปริมาณพลาสติกที่ก่อตัวเพิ่มมากขึ้นจะสร้างมลพิษและทำลายสิ่งแวดล้อมได้ในทุกมิติ ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศน์ได้อย่างต่อเนื่อง

กระดาษรังผึ้งกันกระแทก จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ถูกคิดค้นมาเพื่อปกป้องสินค้าให้ปลอดภัยทั้งยังปกป้องสิ่งแวดล้อมของเราให้ยั่งยืน โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ ขั้นตอนตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงขั้นตอนการนำไปใช้งาน โดยกระดาษรังผึ้งกันกระแทกสามารถรีไซเคิลได้ 100%และเป็นวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพอย่างรวดเร็วไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม

แนวคิดการลดขยะจากการแพ็คสินค้าอย่างยั่งยืน

หากจะถามว่าการใช้วัสดุทางเลือกจะสามารถช่วยสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นแบบทันตาเห็นเลยหรือไม่ คำตอบคือ “ช่วยได้ แต่ไม่ทั้งหมด” เพราะทุกวันนี้การเติบโตของภาคอุตสาหกรรม E-Commerce, Food Delivery หรือ IoT ต่าง ๆ ที่ต่างเอื้อให้ผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้าออนไลน์กันได้ง่ายขึ้นมาก ทำให้เกิดขยะปริมาณที่เยอะมากขึ้นแบบทวีคูณ โดยสถิติเผยว่าปัจจุบันโลกของเรามีจำนวนขยะพลาสติกที่รอการกำจัดอยู่สูงถึง 353 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 10 ปีก่อนเป็นเท่าตัว

ดังนั้นการเลือกวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการขนส่งสินค้า จึงเหมือนเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุไปสักหน่อย เพราะการเลี่ยงไม่ใช้พลาสติกไม่ได้ช่วยให้ปริมาณขยะลดลงได้เร็วขนาดนั้น คำถามต่อมาก็คือ แล้วผู้ประกอบการในยุคนี้ต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถช่วยสิ่งแวดล้อมจากการแพ็คของได้อย่างยั่งยืน ?

คำตอบนั้นง่ายมากซึ่งก็คือ การนำแนวคิด Reuse หรือ Zero Waste มาใช้กับกระบวนการทำงานของตัวเองให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นขั้นตอนที่ไม่ต้องลงทุนเยอะ และไม่มีใครเสียผลประโยชน์หรือที่เรียกว่า Win-Win situation ยกตัวอย่างเช่นการนำวัสดุที่เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้ขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นไม่หยุดอย่าง “บับเบิ้ลกันกระแทก” กลับมาใช้ซ้ำ หรือนำไปแบ่งบันให้กับคู่ค้าลูกค้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ซ้ำ ในทางทฤษฎี วิธีนี้สามารถช่วยลดปริมาณขยะได้อย่างมีนัยยะสำคัญมากกว่าการใช้วัสดุทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้แพ็คสินค้าซะอีก แต่ในทางปฏิบัตินั้นทำได้ยาก เนื่องจากพลาสติกกันกระแทกอย่างแอร์บับเบิ้ลมีความเหนียว ทั้งยังต้องใช้เทปกาวในการแพ็คสินค้า ถ้าไม่แกะออกอย่างระมัดระวังก็จะทำให้เสียรูป และไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ สุดท้ายแล้วก็จะกลายเป็นขยะพลาสติกในที่สุด

ดังนั้นคำตอบของคำถามที่ว่าทำอย่างไรถึงจะ “ลดขยะจากการแพ็คสินค้าอย่างยั่งยืน” สำหรับผู้ประกอบการคงเป็นการ “ทำอย่างไรก็ได้ให้ทรัพยาการของตัวเองถูกใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด” และเมื่อจำนวนขยะพลาสติกที่เหลือจากการแพ็คสินค้าของผู้ประกอบการเหล่านั้นเริ่มลดลงแล้ว การมองหาวัสดุที่ดีมีคุณสมบัติกันกระแทกได้ดีกว่าพลาสติกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น ”กระดาษรังผึ้งกันกระแทก” มาใช้เช่นนี้ถึงจะเรียกว่า “การรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน”

สรุป

ในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การใส่ใจสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ในทุก Touch Point ของลูกค้าตั้งแต่การสั่งซื้อไปจนถึงการขนส่งกลายเป็นประเด็นหลักที่ผู้ประกอบการต้องใส่ใจมากกว่าเดิม อย่างวัสดุกันกระแทกแต่ละชนิดที่ก็ต่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ให้ผลลัพธ์แตกต่างกันออกไป อย่างกระดาษรังผึ้งกันกระแทกที่ช่วยให้สร้างประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่เปิดกล่องเพราะช่วยปกป้องสินค้าได้อย่างปลอดภัย และยังแสดงถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม กลับกันกับพลาสติกกันกระแทกแบบเดิม ๆ ที่ทั้งน่าเบื่อ และอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมได้

Genius Packaging Solution 

ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุบรรจุภัณฑ์กันกระแทกสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมอย่าง “กระดาษรังผึ้งและกระดาษคราฟท์กันกระแทก” ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการันตี FSC ให้ประสิทธิภาพการกันกระแทกสูงสุด ช่วยปกป้องสินค้าของคุณให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยพร้อมสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเปิดกล่องพัสดุ

สอบถามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม

โทรศัพท์ : 098-285-4439 (คุณจีน) , 064-797-9799 (คุณนิว)
Line: @gnsthailand
Email: info@gnsthailand.com
Facebook: Genius Packaging Solution