แชร์

How to เพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่งโลจิสติกส์

ปัจจุบันโลจิสติกส์นั้น มีความหมายมากกว่าแค่การขนส่ง เพราะโลจิสติกส์เป็นดั่งกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินไปข้างหน้า และยิ่งในปัจจุบันที่โลจิสติกส์พัฒนาขึ้นอย่างมาก จนถึงขนาดที่ว่าธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ขอเพียงแค่ลูกค้ามีถนนตัดผ่านก็สามารถส่งสินค้าไปทำการตลาดได้ไม่ว่าผู้บริโภคคนนั้นจะอยู่ที่ไหนบนโลกก็ตาม

การขนส่งโลจิสติกส์ที่ดีคืออะไร ?

ผู้ประกอบการทุกคนย่อมรู้ดีว่าการพัฒนาสินค้าที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่การที่จะส่งมอบคุณค่าของสินค้าของเราไปสู่มือลูกค้าของเรานั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ดังนั้นระบบโลจิสติกส์ที่ดีจะช่วยให้คุณค่าของสินค้าของเราไม่ลดลงระหว่างทาง

เหตุผลว่าทำไมขนส่งโลจิสติกส์จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

โลจิสติกส์หมายถึง “โอกาส” อันไม่สิ้นสุด เพราะธุรกิจจะสามารถขนส่งสินค้าไปทำตลาดที่ไหนก็ได้บนโลก ช่วยสร้างโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้อย่างมหาศาล

1. E-Commerce เป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจโลจิสติกส์

E-Commerce เกิดขึ้นมาจากความก้าวหน้าทางด้านโลจิสติกส์ผสานกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจนทำให้การซื้อขายสินค้าจากต่างประเทศนั้นง่ายเพียงปลายนิ้ว นี่จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญของธุรกิจที่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ควรจะคว้าเอาไว้

2. การขยายขอบเขตได้มากกว่าแค่ส่งพัสดุ

ระบบโลจิสติกส์ในปัจจุบันทำได้มากกว่าแค่ส่งพัสดุ เพราะไม่ว่าจะเป็นการขนส่งอาหารสดการขนส่งแบบแช่เย็นหรือแม้แต่การขนส่งพัสดุแบบวันเดียวถึงมือลูกค้าก็สามารถทำได้

3. On-Demand Delivery ความต้องการใหม่ของผู้บริโภค

เป็นรูปแบบการขนส่งสินค้าอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยผู้ประกอบการไม่ต้องแพ็คสินค้า ไม่ต้องเขียนที่อยู่ แค่ให้ระบบค้นหาผู้ส่ง และแจ้งพิกัดผ่านแอพพลิเคชั่น เพียงเท่านี้สินค้าก็จะถึงมือลูกค้าภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือที่คนไทยคุ้นเคยเรียกกันว่า “ส่งแมสเซนเจอร์”

4. ยังคงเป็นพื้นฐานด้านการทำธุรกิจด้าน E-Commerce ให้เติบโต

ยิ่งโลจิสติกส์พัฒนาไปมากขึ้นเท่าไหน พื้นที่การขนส่งของธุรกิจ E-Commerce ก็พัฒนาไปมากขึ้นเท่านั้นซึ่งหมายความว่าสินค้าของผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าผ่าน E-Commerce ก็จะเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้นตามไปด้วย

ขั้นตอนการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่ง

ผู้ประกอบการบางท่านอาจใส่ใจในเรื่องของความเร็วการขนส่ง จนอาจละเลยเรื่องของคุณภาพการขนส่ง ดังนั้นผู้ประกอบการควรใส่ใจในคุณภาพของการขนส่งด้วยการเพิ่มคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้นด้วยนั่นเอง

1. แพ็คสินค้าให้แน่นหนา

จะช่วยลดโอกาสที่สินค้าจะเกิดความเสียหายก่อนถึงมือผู้บริโภค นอกจากนี้การแพ็คสินค้าอย่างแน่นหนา และการเลือกใช้วัสดุกันกระแทกต่าง ๆ เช่น กระดาษรังผึ้ง, กระดาษเติมเต็ม และกระดาษกันกระแทก ก็เป็นสิ่งจำเป็นอยู่เหมือนกันเพราะนอกจากจะช่วยป้องกันสินค้าแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจของผู้ประกอบการ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสกลับมาซื้อซ้ำได้มากกว่า

2. การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับขนาดสินค้า

จะช่วยลดพื้นที่ในการขนส่งแต่ละครั้ง ทำให้ต้นทุนการขนส่งเฉลี่ยถูกกว่าการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ใหญ่เกินความจำเป็น และหากยังมีพื้นที่ว่างอยู่ก็ควรจะเลือกใช้กระดาษเติมเต็มเพื่อนำมาใส่ในบรรจุภัณฑ์ในการเติมเต็มช่องว่างภายในกล่องเพื่อป้องกันความเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่ง

3. ใช้ระยะเวลาส่งที่รวดเร็วและมีความผิดพลาดน้อยที่สุด

ผู้ประกอบการควรเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีความง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน มากกว่าการใช้ “อะไรก็ได้” มาใช้ในการขนส่งสินค้า เพราะจะทำให้เสียเวลาจากขั้นตอนที่ยุ่งยาก ยกตัวอย่างเช่นการเลือกใช้วัสดุกระดาษรังผึ้งกันกระแทกเพียงแค่ม้วนห่อกับสินค้าที่ต้องการ (ไม่จำเป็นต้องใช้เทปกาวในการติด) จากนั้นก็ใส่ลงในบรรจุภัณฑ์ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถแพ็ค และจัดส่งสินค้าของเราให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและลดข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ให้น้อยที่สุด

4. เลือกขนส่งสินค้าที่ใช่และไว้ใจได้

นอกจากสินค้าที่ดี บรรจุภัณฑ์ที่ดี และการแพ็คสินค้าที่ดีแล้ว ขนส่งที่ดี และไว้ใจได้ก็จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยรักษาคุณค่าของสินค้าส่งไปถึงมือของลูกค้าได้อย่างปลอดภัย

5. เลือกขนส่งสินค้าที่ใช่และไว้ใจได้

ผู้ประกอบการควรใส่ใจผู้บริโภคจน “สินค้าถึงมือลูกค้า” ไม่ใช่เมื่อ “ปิดการขายเสร็จสิ้น” โดยเฉพาะการขายสินค้าผ่านช่องทาง E-commerce ที่ทั้งคุณภาพและความใส่ใจของผู้ประกอบการจะมีผลต่อการตัดสนใจซื้อซ้ำของลูกค้า

6. ปรับปรุงและหาทางแก้ไขเมื่อเกิดข้อผิดพลาด

เมื่อผู้ประกอบการเจอข้อผิดพลาดในการทำงาน ก็ไม่ควรปล่อยเอาไว้เพราะต้องคำนึงถึงอยู่เสมอว่าทุกปัญหาเล็ก ๆ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ หากสินค้าที่ผิดพลาดหลุดไปถึงมือผู้บริโภค

สรุป

โครงสร้างด้านโลจิสติกส์ ประกอบกับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจ E-Commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว และนำโอกาสอันมหาศาลมาสู่นักธุรกิจทั้งหลาย แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรให้ความใส่ใจในคุณภาพของการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็น บรรจุภัณฑ์ที่จะต้องตอบโจทย์ทั้งความรวดเร็วในการใช้งาน ความสวยงาม และที่สำคัญคือต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งนี้เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าจนนำมาซึ่งโอกาสซื้อซ้ำจนเกิดเป็น Brand Loyalty ในที่สุด

Genius Packaging Solution 

ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุบรรจุภัณฑ์กันกระแทกสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมอย่าง “กระดาษรังผึ้งและกระดาษคราฟท์กันกระแทก” ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการันตี FSC ให้ประสิทธิภาพการกันกระแทกสูงสุด ช่วยปกป้องสินค้าของคุณให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยพร้อมสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเปิดกล่องพัสดุ

สอบถามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม

โทรศัพท์ : 098-285-4439 (คุณจีน) , 064-797-9799 (คุณนิว)
Line: @gnsthailand
Email: info@gnsthailand.com
Facebook: Genius Packaging Solution